ในฝากฝั่งของอเมริกา มีวงดนตรีหรือศิลปินที่พอจะต่อกรกับวงดนตรีของอังกฤษได้อยู่บ้าง โดยดนตรีทางฝั่งแคลิฟอร์เนีย มีวงดนตรีเช่น The Mamas & The Papas , The Grateful Dead , Jefferson Airplane , Moby Grape , Steve Miller Band , Blue Cheer , Mother Earth , Lee Michaels , Crosby , Stills , Nash and Young : CSN & Y , The Supremes , the beach boy ,
วง Cream ของ Eric Clapton ได้นำรูปแบบของการอิมโพรไวส์จากดนตรีแจ๊สเข้ามาใส่ในดนตรีบูลส์ร็อค ด้วยการโซโลของเครื่องดนตรีกันยาวเหยียด จนมีคนขนามนามให้ Clapton เป็นพระเจ้าแห่งกีตาร์ สำหรับนักดนตรีที่มีชื่อเสียงแห่งยุคอีกคนอย่าง Jimi Page ได้ตั้งวง Led Zeppelin การที่ Page เคยเป็นนักดนตรีในห้องบันทึกเสียงมาก่อน เขาจึงได้ค้นคว้าวิธีการบันทึกเสียงของเครื่องดนตรีในแต่ละชนิดจนได้เสียงที่ถือว่ามีคุณภาพสูงมากในยุคนั้น ด้วยท่อน Riff อันคมคาย เสียงร้องในลักษณะแหลมสูงของ Robert Plant ทำให้วงดนตรีนามคณะ Led Zeppelin ถือว่าเป็นต้นแบบของดนตรี Hard Rock ในยุคต่อมา
ในทศวรรษที่ 60 ไม่พูดถึงนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอีกคนไม่ได้เลย นั้นก็คือ นักกีตาร์ผิวสีอย่าง Jimi Hendrix แทบจะเป็นการปฏิบัติการเล่นกีตาร์ไปเสียทั้งหมด ทั้งภาค Rhythm และภาค Solo การใช้เสียง Feedback ซึ่ง Hendrix เล่นในแบบที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ในอัลบัมที่มีชื่อเสียงของเขาอย่าง Are You Experienced ? ที่ทุกคนต่างตกตะลึงกับสำเนียงกีตาร์อันพิศดารของเขา หรือหันไปดูนักร้องนักดนตรีผู้หญิงที่มีชื่อเสียงอีกคนอย่าง Janis Joplin ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นราชินีเพลงบลูส์ร็อค ซึ่งจบชีวิตด้วยระยะเวลาอันสั้นนัก
ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมเรื่องราวของดนตรีในยุคทศวรรษที่ 60 ต่างมีเรื่องราว เหตุการณ์ที่นำมาการเปลี่ยนแปลงด้านดนตรีในรูปแบบ ลักษณะแตกต่างกันที่เป็นเอกลักษณ์และพวกเขาและเธอเหล่านั้น ก็ได้สร้างเรื่องราวและตำนานที่ไม่มีวันลืมไปได้จนทุกวันนี้
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment